ประวัติศูนย์วิทยุพระราม9

[RAMA9RESCUE41-27]

ศูนย์วิทยุพระราม9ถูกตีพิมพ์ประวัติความเป็นมาในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่10 ลงในนิตยสาร100วัตต์ ฉบับที่118เดือนกุมภาพันธ์ 2552 หาซื้อหาอ่านกันได้ครับ

http://www.100watts.com/index.html

[Administrator]

ขอบคุณสำหรับข่าวนะครับ ไม่ลงรหัส เลยไม่รู้จะลงหน้าเว็บให้ชื่อไหนดี แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ

[CAN7ONA]

สุดยอดคร๊าบ!!!

[pun191]

ยินดีกับความสำเร็จ กับ 100 WATT

[RAMA9RESCUE41-27]

‘ประเสริฐ’ปั้น‘เอเควียส’ลุยสมรภูมิงัดกลยุทธ์ทะลวงเป้าหมาย 1 ปี 1พันล้าน ประเสริฐ เหลืองอร่ามเวช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเควียส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
“อย่าไปกลัวปัญหา อย่าซีเรียสกับวิกฤตที่เข้ามา ทุกข์อยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ไหน ก็เอาออกจากใจซะด้วยตัวคุณเอง”


            เปิดตัวลงสนามขายตรงสวนกระแสเศรษฐกิจได้อย่างน่าตื่นเต้น สำหรับน้องใหม่ของวงการอย่าง บริษัท เอเควียส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  ที่มีแบ็คหลังคือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง  “ซินต้ากรุ๊ป”  บริษัทชั้นนำของประเทศไทยในวงการธุรกิจเวชภัณฑ์ยารักษาโรค ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ อีกทั้งเครื่องดื่มและอาหารเสริมสุขภาพที่ได้ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี และมีโรงงานคุณภาพถูกต้องตามหลัก GMP เป็นของตัวเอง
            แค่เปิดภาพออกมา...ก็เป็นสุดยอดของความอลังการ แถมข้อมูลจาก “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์” ยังระบุอีกว่า “เอเควียส” มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นถึง 10 ล้านบาท เป็นนัยที่บ่งบอกได้ถึงความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจที่จะขอโตแบบยั่งยืน!!      
@@จาก“ซินต้ากรุ๊ป”สู่“เอเควียส”@@       
             “ประเสริฐ เหลืองอร่ามเวช”ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเควียส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังถึงความเป็นมา ก่อนที่จะมาเป็นเอเควียสในวันนี้ว่า ครอบครัวของตนเองอยู่ในธุรกิจของวงการยามาร่วม 50 ปี โดยเริ่มต้นจากคุณพ่อที่เป็นหมอยาแผนโบราณมาก่อน   จะพัฒนาสู่ธุรกิจผลิตยาขนาดยักษ์ในเวลาต่อมา
              “เอเควียสเป็นบริษัทที่เติบโตมาจากวงการยา คุณพ่อของผมเองเป็นแพทย์จีนที่จบมาจากฮ่องกง มาเริ่มธุรกิจด้วยการเปิดร้านขายยารักษาโรค ตอนนั้นผมเกิดพอดี จากเล็กจนโตคนไข้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคุณพ่อเล็งเห็นว่า ควรคิดสูตรยาปรุงสำเร็จขึ้นมา เพื่อให้สามารถดูแลคนป่วยได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับการจัดยาในแต่ละครั้ง  หลังจากนั้นก็ทำให้ร้านได้รับความนับถือและความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคุณพ่อตัดสินใจเปิดโรงงานยาแผนโบราณขึ้นในปี พ.ศ.2501”
             และเมื่อโรงงานประสบความสำเร็จในวงการยาแผนโบราณแล้ว ก้าวต่อไปคือการตั้งโรงงานยาแผนปัจจุบันขึ้นในปี พ.ศ.2510 ซึ่งช่วงนั้นประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการปฏิวัติวงการยาพอดี ทำให้โรงงานของ “ซินต้ากรุ๊ป” ถือเป็น “1 ใน 10”  ที่ได้รับมาตรฐาน GMP จากโรงงานที่มีมากกว่า 200 แห่งในขณะนั้น มีศูนย์วิจัยขนาดย่อมที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับในผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์
การต่อยอดทางธุรกิจยังไม่จบแค่นั้น “ประเสริฐ” มองว่าควรจะมีธุรกิจที่ “ฉีกแนว” จากวงการยาบ้าง จึงเริ่มทำธุรกิจ “โรงงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่ม” ที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท โดยนำความรู้ที่สั่งสมมาทั้งหมดจากการทำธุรกิจในวงการยามาใช้ ส่วนการผลิตและบริหารงานในด้านของยาแผนโบราณและแผนปัจจุบัน ได้ยกให้น้องสาวและน้องชายดูแลต่อไป
             “เมื่อเราหันมาผลิตเครื่องดื่มและอาหารเสริมแล้ว เราจึงกันมามองในเรื่องของช่องทางการขาย เพราะที่ผ่านมาเราเป็นเพียงผู้ผลิตซะส่วนใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยนำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มออกวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดบางแห่งแล้ว แต่ก็พบว่าธุรกิจขายตรงมีศักยภาพในการขายที่มากกว่า ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เข้ามาศึกษาในวงการขายตรงอยู่ประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดบริษัทเอเควียสขึ้นในที่สุด แม้จะมีคนบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีอย่างเพิ่งทำอะไรเลย แต่ผมมองว่าถ้าเราท้อแท้ทุกอย่างก็จะกระทบกันไปหมด ทำไมไม่มองว่าในวิกฤตยังมีโอกาสอยู่เสมอ อีกทั้งเราเองก็มีจุดแข็งเหนือคู่แข่งอยู่แล้ว”
   
@@ลั่น!1ปียอด1พันล้านบาท ต่อยอดโกอินเตอร์@@
              ทั้งนี้ตัวเลขยอดขายที่ “ประเสริฐ”  คาดว่าจะสามารถทำได้ภายใน 1 ปีแรก คือ 1,000 ล้านบาท และส่งต่อให้สามารถก้าวขึ้นสู่ TOP5 ภายใน 3 – 5 ปี   แม้จะดูว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงและเป็นเป้าหมายที่ดูแสนไกล หากมองเพียงว่าเป็นแค่ “บริษัทขายตรงน้องใหม่” แต่ “ประเสริฐ” ตอกย้ำอย่างมั่นใจว่าลักษณะเฉพาะตัวของ “เอเควียส” ที่เติบโตมาจาก “วงการยา” เป็น “จุดแข็งสำคัญ” ที่จะสามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายได้อย่าง “ไม่ยากเย็น” หากเปรียบเทียบกับขายตรงน้องใหม่ทั่วไป
เพราะอย่างน้อย “การันตี” ได้ว่า “คุณภาพสินค้า และ มาตรฐานการผลิต” ของบริษัทล้ำหน้ากว่าอีกหลายค่าย  และยังทำให้ “ต้นทุน” สินค้ามีราคาที่ “เหมาะสม” เพราะสามารถ “ควบคุมราคาได้” เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเอง 
              นอกจากนี้ยังมี “แผนการตลาด” ที่มีผลตอบแทนแบบ “สมน้ำสมเนื้อ” ให้กับนักขายที่เข้ามาร่วมธุรกิจ พร้อมควบคุมและบริหารด้วย “ทีมงานมืออาชีพ” ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจขายตรงมานับสิบปี
โดยหลังจากที่บริษัท ได้เริ่มเปิดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2552 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนถึงขณะนี้มีสมาชิกเข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คนแล้ว โดยจะมีสินค้าในการทำตลาดทั้งหมด 4 กลุ่ม  ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่มอาหารเสริม และ กลุ่มการเกษตร
              ซึ่งสินค้าในการทำตลาดในระยะเริ่มแรกได้แก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพโกจิเบอร์รี่ ตราชินซุ, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพโสม ตราชินซุ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดกระดองปู เปลือกกุ้ง  ไคติน-แคลซิแม๊กโปร, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันงาม้อน  เพริลล่า ซีดออยส์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวกล้อง เอเควียส บราวน์ไรซ์ เป็นต้น
              นอกเหนื่อจากการรุกตลาด “ภายในประเทศ” แล้ว “ประเสริฐ”  ยังมองไกลไปถึงการรุกตลาดใน “ต่างประเทศ” โดยต้องการให้ “เอเควียส”  เป็นขายตรงไทย ที่สามารถผงาดเป็นยักษ์ใหญ่ในระดับสากล และช่วยให้สามารถนำเงินตรากลับเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ในอนาคต
             “ขณะนี้เราก็เริ่มเปิดทำการที่ลาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และกำลังเตรียมที่จะรุกตลาดเวียดนามเร็วๆนี้ ในขณะที่ทางดูไบและอัฟริกาใต้ ก็ติดต่อเข้ามาแล้วเช่นกัน โดยกำลังอยู่ระหว่างการตกลงในด้านหลักการอยู่ โดยทุกศูนย์ในต่างประเทศจะขึ้นตรงกับสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย และนักขายทุกท่านสามารถเดินทางไปทั่วโลก เพื่อสปอนเซอร์ชาวต่างชาติด้วยรหัสสมาชิกเดียว  ซึ่งสิ่งที่เราทำนี้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเราตั้งใจทำจริง ไม่ใช่เพียงแค่หวังกอบโกยเงินแบบฉาบฉวย โดยเฉพาะในเรื่องของ IT เริ่มต้นเราลงทุนไปแล้วกว่า 30 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ”
             นอกจากนี้ภายใน 2 ปี “ประเสริฐ” มองว่า จะพัฒนาให้ระบบของธุรกิจ เติบโตไปถึงขั้นเป็นขายตรงสะดวกซื้อ ที่สามารถสั่งออเดอร์ได้ทั่วโลกผ่านดาวเทียม ไม่ว่าจะดำเนินการจากมุมไหนในโลก ขณะที่สมาชิกทุกคนจะมีสมาร์ทการ์ดสะสมแต้มได้ทุกครั้งที่ซื้อสินค้า ที่บริษัทตั้งใจว่าจะขยายไลน์ให้ครอบคลุมทุกหมวดในเร็ววันนี้ แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง แต่เขาก็พร้อมทุ่มเท ที่จะพัฒนาให้ไปถึงเป้าหมายโดยเร็วที่สุด   
             อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ “ประเสริฐ” บอกว่าเป็นเรื่องที่ตนต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ควบคู่กับการเติบโตของตัวเลข นั่นคือการร่วมเป็น “ฟันเฟืองสำคัญ” ในการช่วยยกระดับขายตรงไทย ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น   
            “สิ่งที่ผมทำ ผมตั้งใจจริง จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจขายตรงดีขึ้น เพราะผมเชื่อว่า หากทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เอาเปรียบกัน บริษัทก็ไม่เอาเปรียบนักขาย นักขายก็ไม่เอาเปรียบบริษัท แต่เราร่วมมือกันตั้งใจทำธุรกิจ คิดและทำดีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เชื่อว่าขายตรงไทยยังก้าวต่อไปได้อีกไกลแน่นอน”

@@ชูCSRด้วย“ศูนย์วิทยุพระราม9”@@
            การคิดและทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของ “ประเสริฐ” ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น แต่ทุกอย่างเริ่มขึ้นตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2543 นั่นคือวันก่อตั้งของ  “ศูนย์วิทยุพระราม 9” ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น และเสียสละทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ รวมไปถึงทุนทรัพย์ส่วนตัวมากกว่า 10 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งในด้านอุบัติเหตุ อัคคีภัย และสาธารณภัยต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
            โดยใช้ระบบวิทยุสื่อสารความถี่ประชาชน CB 245 MHz. ช่อง 80 หรือ ความถี่ 245.9875 MHz. และยังสามารถโทรแจ้งผ่านหมายเลข 02-643-9922 ที่ปัจจุบันมีอาสาสมัครมากกว่า 10,000 นาย หน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรกว่า 200 หน่วย อาทิ มูลนิปอเต็กตึ๊ง, มูลนิธิร่วมกตัญญู, สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน, สถานีวิทยุจส.100 และ หน่วยแพทย์กู้ชีพต่างๆ เป็นต้น
             “ผมคิดทำศูนย์วิทยุขึ้นมา  เพราะผมเคยผ่านประสบการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน หากใครจำได้ เหตุการณ์ยึดสถานทูตพม่าของนักศึกษาพม่าเมื่อ 10 ปีก่อน ผมคือ 1 ใน ตัวประกัน ที่พยายามคอยเจรจาให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย ล้อมรอบไปด้วยผู้ก่อการร้ายที่ถือปืนอาก้าและระเบิดเต็มไปหมด วินาทีนั้นผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมจะรอดกลับมา ตอนนั้นผมคุยโทรศัพท์ออนแอร์ผ่านรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกันเพื่อคุยกับลูกสาว ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่และมารู้ตอนหลังอีกว่าคนฟังหลายคนก็ร้องไห้ตาม ทำให้เมื่อเราได้มีโอกาสรอดออกมาใช้ชีวิตต่อไปในสังคม ผมจึงคิดว่าการตอบแทนสังคม และคอยช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี และสำคัญที่สุดในชีวิต”
            ด้วยเหตุนี้เอง “ประเสริฐ”  จึงตั้งใจว่าเงินส่วนหนึ่งจากยอดขายของ “เอเควียส” จะถูกนำมาสบทบทุนให้กับ “ศูนย์วิทยุพระราม 9” ที่เขาตั้งใจว่าจะผลักดันให้กลายเป็น “มูลนิธิศูนย์วิทยุพระราม 9” ในเร็ววันนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลืออาสาสมัคร ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพลภาพ หรือ เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ไปจนถึงทุนการศึกษาบุตรของอาสาสมัครอีกด้วย
           “การตั้งเอเควียสขึ้นมา อันที่จริงเราไม่ได้หวังเงินทองอะไรมากมาย การซื้อสินค้าของสมาชิกบางคนได้บุญไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นความตั้งใจของผม ที่อยากช่วยสังคมให้ได้มากขึ้น  ในขณะที่อาสาสมัครของศูนย์วิทยุบางคน ที่อยากหารายได้พิเศษให้กับครอบครัวก็สามารถมาร่วมธุรกิจได้เช่นกัน”
            อย่างไรก็ดีในวันที่ 22 สิงหาคม 2552 “ประเสริฐ”ได้เตรียมที่จะจัดงาน “แกรนด์โอเพ่นนิ่ง” บริษัทเอเควียสขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และในงานเดียวกันนี้เองจะจัด “งานครบรอบ 9 ปี ศูนย์วิทยุพระราม 9” ทำให้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้ง “สมาชิกเอเควียส” และ “อาสาสมัครศูนย์วิทยุฯ”  รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 คน  โดยจะมีการอธิบายธุรกิจให้อาสาสมัครฯได้รับทราบ เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกขายตรงได้อีกด้วย
           “การรองรับสมาชิกใหม่ที่มีมาจากผู้คนหลายกลุ่มในอนาคต บริษัทได้วางแผนการ
สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเรียบร้อยแล้ว โดยได้เตรียม หลักสูตรสำหรับนักธุรกิจไว้ 5 หลักสูตรหลัก ได้แก่   1.แสตนดาร์ดคอร์ส    เป็นหลักสูตรสำหรับผู้เริ่มต้นทั่วไป  2.รีครูทคอร์ส  หลักสูตรที่สอนว่าควรทำอย่างไรให้คนเปิดใจกับขายตรงและเข้าร่วมงานด้วย  3.ลีดเดอร์คอร์ส หลักสูตรสำหรับผู้นำ ที่มีศักยภาพพร้อมแล้วที่จะไปช่วยขยายทีมงาน  4.คอร์สผู้นำระดับบริหาร หลักสูตรที่เจาะลึกกว่าเดิม ฝึกการบริหารสายงาน สามารถเป็นวิทยากรได้ 5.คอร์สผู้ประสบความสำเร็จ หลักสูตรที่ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนต้องผ่านก่อนขึ้นรับเข็ม ถ้าไม่ผ่านคอร์สนี้จะไม่ให้ขึ้นรับ ทั้งหมดต้องเรียนตามเสต็ป ไม่สามารถกระโดดข้ามขั้นได้ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับ วัฒนธรรมของเอเควียส ต้องหล่อหลอมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน”  
            สำหรับด้านชีวิตส่วนตัวของ  “ประเสริฐ” ในขณะนี้ เขายอมรับว่าเวลาที่จะใช้ในเรื่องส่วนตัว ไม่ค่อยมีเหมือนเดิม เนื่องจากต้องทุ่มเทให้กับการทำงานแทบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้วิธีคลายเครียดที่ดีที่สุด คือการ “ออกเหตุ” ในที่นี้หมายถึง การวิ่งรถออกไปช่วยเหลือคนตามที่มีการแจ้งเข้ามาในศูนย์วิทยุฯ
           “ผมอาจจะมีวิธีคลายเครียดไม่เหมือนกันใคร เหล้าบุหรี่ ผมไม่แตะ ผมออกไปช่วยคนอื่นดีกว่า บอกได้ว่าใครไม่ลองก็ไม่รู้ งานนี้ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ บางครั้งผมเครียดจากงานมา คิดอะไรไม่ออก พอได้ออกเหตุ สมองกลับรู้สึกโล่งอย่างประหลาด ซึ่งเรื่องการช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนอื่นผมเองก็สอนลูกตลอดเวลา ว่าการมีน้ำใจและเป็นผู้ให้มีความสุขขนาดไหน ทำให้หลังๆนี่เขาก็ติดใจ เป็นคนชวนผมออกไปด้วยกันเป็นประจำ”    
           สุดท้ายนี้ “ประเสริฐ” บอกว่าแม้เศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วง แต่ถ้ากำลังใจของเราดี ทุกอย่างก็จะดีตามไปด้วย “คิดดี ทำดี แล้วจะได้สิ่งดีๆ ผมเจออะไรมาเยอะ ทุกปัญหามีทางออก ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ อย่าไปกลัวปัญหา อย่าซีเรียสกับวิกฤตที่เข้ามา ทุกข์อยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ไหน ก็เอาออกจากใจซะด้วยตัวคุณเอง”   

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 157 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 มิถุนายน 2552

[rama9 73-29]

ยินดีด้วยนะครับ

[aekjung]

ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ

[FIRE & RESCUE]